ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
พฤษภาคม 02, 2024, 07:31:48 pm
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: งานเทศนาธรรม และการสอนปฏิบัติกัมมัฏฐาน
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๑ ของเดือน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี ๑๒๘/๖๘ หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ พระราม ๒-๒ ถนนพระรามท่ี ๒ ซอย ๕๐ (ซอยวัดกําแพง) เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๒ ของเดือน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. ณ บ้านคุณหมอศรุตา ฟักนวม จังหวัดนครปฐม
๏ทุกวันศุกร์ถึงอาทิตย์ที่ ๓ ของเดือนมีการเก็บกัมมัฏฐาน ภาคปฏิบัติ ณ สํานักปฏิบัติ อัญญาวิโมกข์โ์พธิรังษี (วัดป่ากล้วยไม้ดิน) บ้านหนองฟักทอง ตําบลปากช่อง อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
๏ แสดงธรรมงานบวชเนกขัมมะประจําปี ณ ศูนย์พุทธศรัทธา บ้านหมอ จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา, วันวิสาขบชูา และวันพ่อ-วันแม่แห่งชาติ (ถ้าธาตุขันธ์องค์หลวงพ่อไม่อาพาธ ก็จะไปมิได้ขาด)
สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี คุณสายพิณ โทร. ๐๘-๙๙๐๐-๗๓๙๙ หรือ www.kubajaophet.com
หมายเหตุ : ตารางเวลาอาจมีการเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

+  ครูบาเจ้าเพชรดอทคอม
|-+  บอร์ดหลัก
| |-+  ประสบการณ์จากการปฏิบัติ
| | |-+  ข้อธรรมจากหนังสือ"อิ"
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อธรรมจากหนังสือ"อิ"  (อ่าน 25979 ครั้ง)
boonchu
Newbie
*
กระทู้: 40


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2008, 10:35:07 pm »

             “อิ
               ติ
               ปิ
               โส”
 ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
       วิชชาจะระณะสัมปันโณ
  สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร
      ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา
เทวมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
   วชิรสาสโนวาท
                 แปลว่า
คำสอนที่มีสาระประดุจดังเพชร
คำสอนที่มีสาระประหนึ่งสายฟ้าแลบ
    หัวข้อธรรมที่๑
    การเข้าวิปัสสนากรรมฐาน  พิจารณาขันธ์๕ เมื่อพิจารณาแล้วเอาจิตไปเทียบสังโยชน์๑๐  มองของสวยกับของไม่สวยคู่กัน  ของดีและของไม่ดีคู่กันของเจริญกับของทรุดโทรมคู่กันคือ  มันพังทลายไป  คือ  ไม่ให้ยึดอะไร
 หัวข้อธรรมที่ ๒
ฉันสวดอิติปิโสไม่จบ
“ อิติ  ติเตียนตัวเอง
   อิติ  อย่ามัวติเตียนคนอื่น
   อิติ  ติเตียนตัวเองให้มาก ว่าเรายังเลว ยังไม่ดี
   อิติ  ติเตียนคนอื่นไม่ได้ประโยชน์
   อิติ  ติติงตัวเองได้ประโยชน์กว่า
   อิติ  ติติงตราจตรากิเลสทั้ง๓กอง ของเราหมดหรือยัง  นิวรณ์๕  สังโยชน์ ๑๐  ของเราหมดหรือยังติแบบนี้ก็จะได้ชื่อว่า  สวด  อิติปิโส  ภะคะวา  อรหังสัมมาสัมพุทโธ  เรียกว่าสวดจบ  ที่สวดกันอยู่นะ  เรียกว่าสวดไม่จบ  มันจบแต่ปาก  ไม่จบที่ใจ  ก็เลยไม่จบกิจเสียที”
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2008, 02:25:00 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๓
   ความสงสัย คือ นิวรณ์ ๕ ประการ เรียกว่า  วิจิกิจฉา  เป็นตัวที่ ๕ ในนิวรณ์ ตราบใดยังไม่ถึงพระอรหันต์คำว่านิวรณ์ ๕ อาจจะปรากฏขึ้นได้

หัวข้อที่ ๔
   ถ้าใจไม่ทรงอารมณ์ปฐมฌานต้องสำคัญตนเสมอว่ายังเลวอยู่ ถ้าละความโลภไม่ขาด ตัดความโกรธไม่หมด ทิ้งความหลงไม่ได้ และจิตยังไม่ทำลายสังโยชน์ ๑๐ ต่อให้เป็นผู้ทรงฌานสมาบัติ มีอภิญญา ๕ มโนมยิทธิก็ยังถือว่าเลวอยู่ นอกเสียจากทำจิตของตนให้ถึงซึ้งความเป็นพระอริยะอย่างน้อยพระโสดาบันขึ้นไป จึงจะเรียกว่า พอใช้

หัวข้อธรรมที ๕
    อย่าติดสุข....
    เพราะสุขนั้นมันเป็นโลกธรรม
    คนติดสุขเลยไปนิพพานไม่ได้
หัวข้อธรรมที่ ๖

    อารมณ์ก่อนตายมีความสำคัญมากจับบุญก็ไปสวรรค์ จับบาปก็ไปนรก จับฌานก็ไปเป็นพรหม ถ้าไม่สนใจในร่างกายของตน ไม่สนใจในวัตถุธาตุในโลก ก็ต้องไปนิพพาน

หัวข้อธรรมที่ ๗
   ถ้าเราตัดร่างกายได้คำว่าที่สุดมันก็จบ
อารมณ์ก็จบ การรู้ในพระพุทธศาสนาก็จบหมด
   เขาเรียกว่า...
   จบกิจในพระพุทธศาสนา

บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2008, 02:11:50 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๘
    สตางค์
    ส. เสือ  หมายถึง สติที่ตั้งไว้ตรวจดู
    ต. เต่า หมายถึง ติเตียนตัวเอง ตรวจดูว่ามีกิเลสอยู่ตรงไหน
    สระอา หมายถึง ตะขอไว้เกี่ยวกิเลสถ้ามีเยอะมาก หนักเกินไปเกี่ยวไม่ไหวใช้ ง.งู ตัวใหญ่เลื้อยลงไปฉกมันออกมา แล้วส่งให้ ค.ควาย กำลังดี ขวิดไปนอกจักรวาลเลย ใช้ตัวการันต์ ส่ายไปส่ายมาเหมือนเรด้า คือ สติบวกปัญญา ส่งข่าวบอกพวกได้เร็ว ทุกคนควรจะมีสตางค์ติดตัวไว้ทุกคนนะ

หัวข้อธรรมที่ ๙
    การให้ การบริจาค ในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง ละการบริจาคความรักระหว่างเพศตรงข้ามอุปมาว่า เราไม่มีสตางค์ เขาเอาอะไรมาขาย เราก็ซื้อไม่ได้
    เอาราคะ   ความรัก
    เอาโลภะ  ความโลภ
    เอาโทสะ  ความโกรธ
    เอาโมหะ  ความหลง
    มาขายเราก็ขายไม่ได้ เพราะเราไม่มีสตางค์จะซื้อ เราบริจาคไปแล้วเมื้อวานนี้ ให้พูดดังๆ ในใจ ให้คิดอย่างนี้ จิตก็จะถูกเสวยอารมณ์เดียว คือ อารมณ์เป็นสุขสงัด เยือกเย็น จิตก็ชินกับอารมณ์ตัดกิเลส
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 05:32:23 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๑๐
        ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์  พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสแล้วไม่เคยห่างขันธ์ ๕ แม้แต่นิดเดียว ขันธ์ ๕ ทั้งนั้น มีแต่ขันธ์ ๕ ทั้งนั้นที่ตัด ไม่มีอย่างอื่น เราก็ตัดแต่ขันธ์ ๕ อย่างเดียว

หัวข้อธรรมที่ ๑๑
       คนเราไม่มีใครอยู่ได้นานา อย่างไรก็ต้องไป  ต้องสูญ  แต่คนเราไม่ค่อยยอมรับสิ่งที่มันสูญนั้น  ถ้าเราทำสูญให้เป็นศูนย์  ก็คือยอมรับว่ามันนั้นสูญ เอาใจยอมรับเสียก็จบได้
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 05:43:20 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๑๒
สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น !!
        พระอาทิตย์ขึ้นก็ขึ้นไป ตกก็ตกไปตามปกติ คือ เราเห็นเป็นปกติเมื่อใดก็อุปมาเหมือนทำใจให้เห็นเป็นปกติเช่นนั้น ให้ใช้กำลังใจสักแต่ว่าเห็น ความธรรมดาของโลก

หัวข้อธรรมที่ ๑๓
        ต้องควบคุมกำลังใจให้ทรงตัวไม่ให้เคลื่อนออกจากความปรารถนาเดิมแม้แต่วินาทีเดียว  ก็คือ  ความปรารถนาพระนิพพาน

หัวข้อธรรมที่ ๑๔
        ไม่หวังอะไร เวลานี้ต้องการหมดกิเลส  ไม่ให้มีเชื้อของความเลวเหลืออยู่  จะเป็นอะไรก็ช่างมัน  คิดไว้ในใจว่า  ฉันต้องการเท่านี้
       

บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 05:58:13 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๑๕
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
       “  ศรัทธา  เป็นของน่ากลัว ทำทุกอย่างได้ทั้งหมด อะไรที่เกิดจากความศรัทธา  สำคัญทั้งหมด  ”

หัวข้อธรรมที่ ๑๖
       ถ้าจะหวังเอาพระนิพพาน ต้องยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์เสมอ และรู้ลมหายใจเข้า  หายใจออก  ปฏิบัติอย่างนี้  ไม่ช้าก็จบกิจในพระพุทธศาสนา

หัวข้อธรรมที่ ๑๗
       แก้วน้ำเมื่อถูกเคาะ ไม่รู้ว่าอะไรมันสะเทือน จริง ๆ แล้ว แก้วมันมันสะเทือน
น้ำจึงไหว เช่นเดียวกับจิตในกาย  ให้ระวังสัมผัส คือ อายตนะ ๑๒   มีตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรู้รส กายสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ต้องระวังให้มาก อย่างหลงมันนะ หลงมันเมื่อไหร่จะเป็นทุกข์ทันที
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 06:07:51 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๑๘
      อัตภาพร่างกายนี้ ไม่ใช้ของเราจริงๆ เพราะเราบังคับไม่ได้ ฉะนั้นเราจะเป็นเพียงผู้รู้ คือ พุทธะ ว่ามันสักแต่ว่า เวทนา เป็นทุกข์อยู่เท่านั้นอง

หัวข้อธรรมที่ ๑๙
      ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็น อริยสัจ ๔ ทางของพระอริยเจ้าท่านเดินทางนี้กัน

หัวข้อธรรมที่ ๒๐

      อย่าให้มีความห่วงในจิต เพราะบุคคลที่ปรารถนาพระนิพพาน จะมีความห่วง ความกังวลอะไรไม่ได้
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 06:40:23 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๒๑
       การทีจะพ้นจากความทุกข์คือ เรามีความเข้าใจในทุกข์ ถ้าเราไม่มีความเข้าใจในทุกข์ เราก็ไม่สามารถพ้นจากความทุกข์ได้

หัวข้อธรรมที่ ๒๒
       ไม่มีอะไรกักขังจิตได้  เพราะจิตมันเป็นอิสระ นอกเสียจากกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำไว้

หัวข้อธรรมที่ ๒๓
       ที่โล่งๆ ปลูกอะไรไม่เกิดประโยชน์นั่นก็คือ ปลูกความชั่ว ปลูกอย่างไรก็หาประโยชน์มิได้

หัวข้อธรรมที่ ๒๔
        จงใช้สติ อุดรูรั่วของจิต ภาชะที่มีรูรั่ว แม้เพียงเท่ารูเข็ม ถ้าไม่ซ่อมแซมจะนำมาใส่น้ำ น้ำก็รั่วออก ไม่ช้าน้ำที่อยู่ในภาชนะก็หมดไป
        จิตของเราก็เช่นกัน ต้องหมั่นซ่อมแซม อุดรูรั่วของจิต อย่าให้กลายเป็นจิตที่
ไม่มีคุณภาพ เอาสติเป็นตัวซ่อมแซมจิต จิตที่รั่วก็เพราะว่าเราไม่เอาสติไปควบคุมจิต การมีสติ คือ การรู้อยู่  รั่วก็รู้อยู่ เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษก็รู้อยู่
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 06:43:02 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๒๕
         คำปฏิปทาในการออกบวชของหลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร
         “ เราบวชมาเพื่อหวังพระนิพพานโดยแท้ ขอดับภพดับชาติ ฉันจะไปพระนิพพานชาตินี้ ใครอยากตามเรา ครูบาเจ้าเพชร ตัดขันธ์ ๕ ให้ได้ เอาสังโยชน์ ๑๐ เป็นตัวเทียบ ทรงบารมี ๑๐ อิทธิบาท ๔ พรหมวิหาร ๔ จรณะ ๑๕ ”

 หัวข้อธรรมที่ ๒๖

         เกิดมาแต่ละครั้ง แต่ละหน มีแต่กรรมต้องชดใช้ กรรมมีแต่ความทุกข์กัน แต่กรรมใดก็กรรมมัน ชดใช้กันไปก็แล้วกัน เราหรือก็จะพยายามให้พ้นทุกข์ ไม่ทำก็ตามใจ จะทำบาปหรือจะทำบุญ จะตกนรกหรือจะขึ้นสวรรค์ พระนิพพานก็เลือกกันไป

หัวข้อธรรมที่ ๒๗

         จะทำตัวให้เหมือนกระต่าย และจงมีความเพียรพยายามให้เหมือนกับเฒ่า
หัวข้อธรรมที่ ๒๘
          ร่างกายของคนมันไม่เที่ยง สัตว์ก็เหมือนกัน แม้แต่วัตถุก็ไม่เว้น พังสลายหมด ยึดอะไรก็ไม่ได้เลย เพราะสิ่งทั้งหลายเกิดมาเพื่อตาย  และก็พังเห็นจะมีแต่แดนพระนิพพานทีเดียวที่ไม่เสื่อม ไม่ตาย ไม่พัง ดังบาลีที่ว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นแดนสุขอย่างยิ่ง
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 06:46:26 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๒๙
          จิตที่มันวุ่น  ความคิดที่มันสับส่ายสติจับอะไรไม่ได้ควรใช้อานาปานุสสติคือ กำหนดลมหายใจเข้าและออกจะระงับความฟุ้งซ่านได้ดีมาก
   
หัวข้อธรรมที่ ๓๐
           การภาวนาว่า ร่างกายนี้หนักหนอร่างกายนี้ทุกข์หนอ ที่ว่าหนักเพราะจิตมันอยู่ใน กาย  ต้องมีการแก่  แก่แล้วก็หนักขันธ์ ๕ มันหนัก ป่วยก็หนัก หนักที่ร่างกาย คนตักไม่เป็นก็หนัง ตัดได้จิตก็เบา กายหนักอย่างเดียวไม่พอ ยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ่วงอีกต่างหาก ก็สรุปได้ว่า ขันธ์ ๕  เป็นทุกข์ ขันธ์ ๕  ไม่เที่ยง ไม่ช้าก็สลายตัวไปเป็นอนัตตา
หัวข้อธรรมที่ ๓๑
            อย่าติดสบาย ไม่มีใครช่วยตัวเราได้  ถ้าเราไม่ช่วยตัวเราเอง  ดังนั้นจงรักตัวเองให้มากที่สุด จงทำตนเหมือนอยู่คนเดียวในโลก  หัดช่วยตัวเอง  อย่าหวังพึ่งผู้อื่น
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2008, 12:55:46 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๓๒
           บุคคลใดพิจารณาขันธ์  ๕ ว่าเป็นของหนัก เป็นทุกทนได้ยาก  ต้านทานได้ยาก เห็นขันธ์ ๕ เป็นของไม่เที่ยง แปรสภาพเสื่อมลง เอาอะไรไม่แน่นอนกับมันได้ และสุดท้ายก็สลายตัวเป็นอนัตตา ร่างกายหรือขันธ์ ๕ เป็นของไม่ควรยึดมั่นฝักใฝ่อาลัยอาวรณ์ บุคคลนั้นได้ชื่อว่า พระอรหันต์ สิ้นกิเลสหมดเชื้อ ไม่สามารถติดไฟได้อีกแล้ว

หัวข้อธรรมที่ ๓๓

             จงรู้จักหน้าที่ของร่างกายแต่ละอย่าง ร่วมถึงโทษและโรคที่จะเป็นด้วย รู้สึกไม่ชอบร่างกายของเขาเลย ของเราก็เหมือนกัน ไม่ใช่ของดีอะไรเลย อย่าหลงกันนักเลย ร่างกายอันน่าเกลียด โสโครก

หัวข้อธรรมที่ ๓๔
              เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้วนะ เธอจงอย่าประมาท การปรารถนาสิ่งใดในกาลก่อน ขอให้เธอพอกพูนในความปรารถนาอันนั้น
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2008, 12:58:45 pm »

หัวข้อธรรมที่ ๓๕
                  คำตรัสของพระ
              “ สูเจ้าจงมองดูโลกอันตระการตานี้เถิด อันคนโง่เขลาหมกอยู่ บัณฑิตทั้งหลายหาข้องไม่ ”

หัวข้อธรรมที่ ๓๖
              การเกิดมันเป็นทุกข์ เห็นแล้วและยอมรับความจริงแล้ว
                          นิพพาน  นิพพาน

หัวข้อธรรมที่ ๓๗
              เกิด - ดับ    ดับ  -  เกิด
           ไม่รู้จักจบจักสิ้น พอกันทีการเกิดการดับ ฉันไม่เอาด้วยคน ขอไปพระนิพพานดีกว่า

หัวข้อธรรมที่ ๓๘
           คนที่ปฏิบัติพระกรรมฐานในสายมโนมยิทธิ ถ้าเอาจริง ก็มีผลจริง เห็นจริง ถ้าทำกันไม่จริง ก็มีผลไม่จริง อุปทานกิน
 
หัวข้อธรรมที่ ๓๙
            จิตที่น้อมถึงพระพุทธเจ้า ก็เรียกได้ว่าตั้งนโมแล้ว เพราะ นโม คือ ความนอบน้อม
หัวข้อธรรมที่ ๔๐
           ชำระจิตให้บริสุทธิ์ ปราศจากนิวรณ์ และใช้หลักความจริงเปรียบเทียบให้เห็น ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์และไม่ต้องการมันอีก
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 02, 2009, 06:11:40 pm »


หัวข้อธรรมที่ ๔๑
             ธรรมะมีความสำคัญ เพราะเป็นพระสูตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์และเป็นความรู้ของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย นำสืบทอดสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย เพื่อให้ปฏิบัติตามเพื่อมรรค เพื่อผล เพื่อพระนิพพาน
หัวข้อธรรมที่ ๔๒
             งานสอนคืองานสอน งานปฏิบัติคืองานปฏิบัติ ไม่ทิ้งแม้แต่อย่าเดียว ร่างกายจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ช่างหัว ใจสู้เสียอย่างเราคิดเสมอว่าร่างดายนี้ไม่ใช่เรา ไมใช่ของเรา เราไม่พึงพอใจในร่างกายนี้ต่อไป ไม่พึงพอใจในร่างกายของบุคคลอื่นอีกต่อไป ไม่สนใจใดๆในวัตถุของโลก ไม่ถือว่ามันเป็นของสำคัญ ก็คือไม่ยึดติดในโลกเท่านั้นเอง ความทุกข์ในใจ ท่านก็จะไม่มี ทุกข์เข้าได้แค่กาย เข้าใจไม่ได้

หัวข้อธรรมที่  ๔๓
           บางครั้งอยู่เงียบๆ เฉยๆ ให้ระวังความคิดของตัวเองให้มากๆ มันอาจจะแล่นไปในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง ในราคะ ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ต้องมีผู้รู้นะ คือ พุทธะ                      
                              พุทโธ  พุทโธ  พุทโธ
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 02, 2009, 06:15:03 pm »


 หัวข้อธรรมที่  ๔๔
            ความตายอยู่แค่ปลายจมูก ลมหายใจเข้าไม่ออกก็ตาย ลมหารใจออกไม่เข้าก็ตาย การที่ทรงอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะอาศัยลมหายใจ ยังให้อัตภาพอยู่ได้ ให้พิจารณาโดยใช้วิปัสสนากรรมฐาน เอาให้มันขาดให้ได้ ตัดให้มันขาดไปให้ได้ คำว่า ขาดก็คือ ให้มันหลุนออกไป หลุดออกไปว่ามันไม่ใช่เราจริงๆ สมบัติพัสฐานในโลกก็ไม่ใช่จริงๆไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา เป็นของโลก เมื่อเราตายไปสมบัติก็เป็นของโลก ต้องคืนให้ธรรมชาติ คือ ความเป็นจริง เรียกว่า ธรรมะใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

หัวข้อธรรมที่  ๔๕
            ตัดที่ใจเอาใจตัด ตัดให้ขาดออกจากใจเสีย ว่าร่างกายของเราเป็นคนละคนกัน   ความเที่ยงแท้ไม่ได้ ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีใครบอกได้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ความตายเป็นความจริง

หัวข้อธรรมที่  ๔๖
            บัณฑิตและปราชญ์ ควรรู้ที่ตายและที่เกิดของตน จึงได้ชื่อว่า  พ้นทุกข์แท้

หัวข้อธรรมที่  ๔๗
            ตัวธรรมมันมีเท่านี้ กิเลสที่มันไม่ดับเพราะตัวรู้มันไม่เกิด มันจึงไม่ทันความคิดปรุงแต่ง นิพพานมีสภาพ “ว่าง”ไม่มีกิเลสจากความคิดปรุงแต่งให้เป็นโน่น เป็นนี่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต อย่าไปปรุงแต่ง คือยึดมั่นมันเข้า ทุกข์จะเกิดมีได้จากตรงไหน ก็จะดับตรงนี้ไม่ใช่หรือ ความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง เพราะมันสักแต่ว่า.... ทุกข์และสุข
บันทึกการเข้า
kaew
Newbie
*
กระทู้: 31


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 02, 2009, 06:17:26 pm »

หัวข้อธรรมที่  ๔๘
                         อุจจาระกับขันธ์ ๕
                         ( พระท่านมาสอนในนิมิต )
                องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่าให้ตัดขันธ์ ๕ ให้รังเกียจขันธ์ ๕ ก็มีอุบายในการปฏิบัติ เพื่อจะละขันธ์ ๕ ที่พระท่านแนะนำมาให้รังเกียจร่างกายเหมือนเรารังเกียจอุจจาระที่ถ่ายออกมามีกลิ่นเหม็นเป็นของที่ทุกคนไม่พึงปรารถนา รังเกียจอุจจาระฉันใด ก็ให้รังเกียจร่างกายฉันนั้น เอาร่างกายไปเปรียบเทียบกับอุจจาระ เราไม่พึงพอใจไม่ยึดมั่น ไม่ติดใจ  ไม่อาลัยอาวรณ์ ในอุจจาระฉันใด ก็รังเกียจขันธ์ ๕  ร่างกายฉันนั้น ใครทำได้ ปฏิบัติได้ก็พ้นทุกข์ได้เหมือนกัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีค่า จึงไม่ยึดติดมันฉันใด ก็อย่ายึดติดร่างกายหรือขันธ์ ๕ ฉันนั้น
ตุลิตะ ตุลิตัง สีคะ สีคัง นิพพาน นะสุขขัง เร็วๆ ไวๆ พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

หัวข้อธรรมที่ ๔๙
                คนที่เขาจะไปนิพพานนะต้องเจอตัวเองก่อน เห็นตัวเองก่อน ถ้าไม่เห็นตัวเองก็ไปนิพพานไม่ได้ คือ ต้องเจอตัวเอง หลงในความคิดว่าเราจะไม่ตาย ของรักจะไม่ไปจากเรา ถ้าเจอตัวเอง คือ ตัวโง่หลงงมงายก็เห็นตัวเอง คิดให้เป็น ทำให้เป็น จะเห็นจริงตามนี้

หัวข้อธรรมที่ ๕๐
                 ดูใจของเราอย่างเดียว ไม่ต้องไปดูใจของคนอื่น ดูกิเลสของเราคนเดียว ไม่ต้องไปดูกิเลสของคนอื่น พิจารณาให้มันเด็ดขาด เอากันจริงๆ ก็ถึงพระนิพพานได้

หัวข้อธรรมที่  ๕๑
                งานที่ทำ   คือ กรรมฐานที่ปฏิบัติ
                งานเจริญ คือ กรรมฐานเจริญ
                ทำให้เป็นก็จะเห็นจริง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!