ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
พฤษภาคม 07, 2024, 05:19:34 pm
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: งานเทศนาธรรม และการสอนปฏิบัติกัมมัฏฐาน
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๑ ของเดือน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี ๑๒๘/๖๘ หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ พระราม ๒-๒ ถนนพระรามท่ี ๒ ซอย ๕๐ (ซอยวัดกําแพง) เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๒ ของเดือน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. ณ บ้านคุณหมอศรุตา ฟักนวม จังหวัดนครปฐม
๏ทุกวันศุกร์ถึงอาทิตย์ที่ ๓ ของเดือนมีการเก็บกัมมัฏฐาน ภาคปฏิบัติ ณ สํานักปฏิบัติ อัญญาวิโมกข์โ์พธิรังษี (วัดป่ากล้วยไม้ดิน) บ้านหนองฟักทอง ตําบลปากช่อง อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
๏ แสดงธรรมงานบวชเนกขัมมะประจําปี ณ ศูนย์พุทธศรัทธา บ้านหมอ จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา, วันวิสาขบชูา และวันพ่อ-วันแม่แห่งชาติ (ถ้าธาตุขันธ์องค์หลวงพ่อไม่อาพาธ ก็จะไปมิได้ขาด)
สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี คุณสายพิณ โทร. ๐๘-๙๙๐๐-๗๓๙๙ หรือ www.kubajaophet.com
หมายเหตุ : ตารางเวลาอาจมีการเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

+  ครูบาเจ้าเพชรดอทคอม
|-+  บอร์ดหลัก
| |-+  สาระน่ารู้
| | |-+  เรื่องดีๆ ที่น่าคิด
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องดีๆ ที่น่าคิด  (อ่าน 3097 ครั้ง)
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 11:11:28 pm »

ไผ่แก่ลำผุเป็นผุย
ใบเหลืองหลุดลุ่ยร่ายร่อน
ไปตามสายลมว่อนวอน
ผัดผ่อนโผเผเพลา

ท่ามกลางพบพรากผองเพื่อน
พี่น้องกองเกลื่อนกล่นหน้า
ลูกหลานพันผูกกายา
เสาะหาผลประโยชน์รุงรัง

ผันผ่านผันผุลู่ลิ่ว
ปลิดปลิวทิ้งซากฝากฝัง
ลูกหลานเกาะเกี่ยวซากพัง
รุมรั้งกินศพชรา

ชายแก่หลังโก่งกายผอม
มีแมวมอมเป็นเพื่อนคบหา
ข้างกายโผเผเพลา
เหว่ว้าอาดูรดวงใจ

ท่ามกลางพบพรากผองเพื่อน
ลูกหลานกลาดเกลื่อนรับใช้
พอแก่แปรผันวันวัย
ลูกหลานลื่นไหลจากจร

ผันผ่านผันผุลู่ลิ่ว
ปลิดปลิวทิ้งซากฝากสอน
ลูกหลายเคยจากกลับจร
ยอกย้อนมายื้อซากพัง

แย่งยื้อรื้อค้นสมบัติ
มรดกวกกัดคลุ้มคลั่ง
ศพนอนนอนซบซากชิงชัง
รินหลั่งน้ำตา....ล้าโรย....

สิริมงคล ๒๖/๓/๔๑

มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา
เป็นสุภาษิตจีนเก่าแก่
ทว่าเดี๋ยวนี้ไม่แน่
เป็นศพแท้แท้ยังหลั่งน้ำตา

มรด๊กมรดก
สมบัติวกกัดเข่นฆ่า
พี่น้องคลานตามกันมา
ตกตายเกลื่อนตาจนชิน

ตัณหาราคะคราโลภ
ละโมบไม่รู้จักสิ้น
บรรพชนนอนน้ำตาริน
ลูกหลานไม่ผินดูสักตา

สิ่งสุดท้าย

สิ้นสุดการเดินทางปล่อยวางพัก
ทั้งชีวิตทำงานหนักเพื่อความฝัน
โดยภาระสิ้นสุดประดุจจันทร์
สิ้นแสงส่องแปรผันกาลเวลา

สมบัติประดับร่างวางไว้ก่อน
หลับตานอนพักกายใกล้ชายป่า
อย่าพะวงสงสัยโชคชะตา
ตายแล้วหยุดแสวงหาพบสิ่งใด

นอนฟังเพลงสวดมนต์ธรรมวจนะ
เป็นจังหวะไพเราะเสนาะใส
เสียงบรรเลงเพลงมนต์จรรโลงใจ
กล่อมภายในชีวิตวิจิตรกาล

ผองเพื่อนมิตรนำร่างมาวางพัก
ศาลาหลักแห่งชีวิตประดิษฐาน
ทุกชีวิตต้องพักตามหลักการ
เพื่อสรรค์สร้างสืบสานความเป็นคน

สิ้นสุดแล้วการเดินทางของชีวิต
มั่นสถิตหยุดรักพักสืบค้น
หลับตาให้สนิทอย่าคิดกังวล
ทางถนนเดินดินสิ้นสุดแล้ว

กระต่ายใต้เงาจันทร์
บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 11:43:45 pm »

คนชั่วช้า แต่สำนึก ระลึกรู้
น่าเชิดชู ควรอภัย ไม่เหยียบย่ำ
ซ้ำเพียรบุญ สร้างกุศล เร่งพ้นกรรม
ย่อมเลิศล้ำ ไปสู่แคว้น แดนวิมาน

ที่นคร สาวัตถี มีเรื่องเล่า
เป็นเรื่องเก่า เขียนไว้ดี มีหลักฐาน
ณ คืนหนึ่ง มีแสงไฟ ใหญ่ตระการ
ที่ในบ้าน ของหญิงหนึ่ง ( นางมันตานี ) ซึ่งตั้งครรภ์

แสงสว่าง แผ่รังสี ที่ยิ่งใหญ่
ส่องไปไกล มองเห็น เป็นชั้นๆ
ประเดี๋ยวเดียว เด็กก็คลอด ปลอดภัยพลัน
เป็นเด็กชาย ผิวพรรณ วรรณะงาม

ผู้บิดา ซึ่งเป็นพราหมณ์ ตามประคบ
เข้าสมทบ ลูบไล้ สุดใจห้าม
ณ บนฟ้า มีเสียงร้อง ก้องคำราม
ดูฤกษ์ยาม คืนนี้ มิมีคุณ

เป็นฤกษ์โจร โหรทำนาย ทายว่าแย่
จะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ มีแต่วุ่น
มิอาจหวัง ได้อาศัย พึ่งใบบุญ
ด้วยบาปหนุน มาแต่ก่อน ย้อนกลับคืน

ผู้บิดา นอนตรึก นึกเรื่องนี้
ทำไงดี แสนอึดอัด ยากขัดขืน
ดั่งดวงใจ โดนสุม รุมด้วยฟืน
ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้า เข้าสู่วัง

เพื่อเข้าเฝ้า พระราชา ปรึกษาท่าน
ค่อยๆคลาน ก้มผ่าน ม่านด้านหลัง
พระราชา นั่งติดห้อง ท้องพระคลัง
กล่าวเสียงดัง มีอะไร ให้ช่วยฤา

ขอย้อนเล่า เรื่องราว คร่าวๆก่อน
อันบิดร เด็กน้อยนั่น นั้นมีชื่อ
พราหมณ์คัคคะ เป็นคนดี มีฝีมือ
ที่เลื่องลือ คือดูฤกษ์ ได้เกริกไกร...

...พระราชา ตะโกนย้ำ ซ้ำสองหน
พราหมณ์คัคคะ ร้อนรน ปนหมองไหม้
แล้วเล่าเรื่อง เด็กที่เกิด เปิดความนัย
ว่าเด็กน้อย คือภัย ในแผ่นดิน

ขอพระองค์ จงจับตัว ปลิดหัวเด็ก
มหาดเล็ก นั่งอยู่ใกล้ ใจแทบสิ้น
พราหมณ์คัคคะ กล่าววาจา น้ำตาริน
พระราชา ได้ยิน ผินพักต์เมิน

ช้าก่อนหนา ท่านพราหมณ์ ขอถามก่อน
อย่าใจร้อน อย่ามองแต่ แค่ผิวเผิน
สิ่งที่เกิด อาจจะเป็น เช่นบังเอิญ
ข้าขอเชิญ ท่านจงนั่ง ตั้งใจฟัง

เจ้าจงเลี้ยง ลูกไว้ อย่าไกลห่าง
อย่าละวาง จำไว้หนา ที่ข้าสั่ง
ฟังดีๆ แต่นี้ไป ให้ระวัง
อย่าเผลอพลั้ง ปล่อยไปไหน จนไกลตา

เมื่อได้ยิน เช่นนั้น พราหมณ์หันกลับ
ไหว้คำนับ เดินลง ที่ตรงท่า
พายเรือออก เคลื่อนไป ในคงคา
เสียงเด็กน้อย ร้องจ้า ท้องฟ้าดำ

พราหมณ์คัคคะ เกิดโทสะ จะโยนทิ้ง
เสียงร้องนิ่ง ฝนโปรยหล่น จนชุ่มฉ่ำ
เริ่มคิดได้ ไม่อยากก่อ ต่อเวรกรรม
ฝนพรำๆ หยุดสนิท จิตเริ่มเย็น

แล้วจากนั้น ก้มลงจูบ ลูบใบหน้า
พลันน้ำตา รินไหล หัวใจเต้น
ต่อนี้ไป ข้าจะขอ ก่อบำเพ็ญ
ให้เฉกเช่น พระสงฆ์ องค์สัมมา

ข้าขอตั้ง ชื่อเจ้าไว้ ให้ดียิ่ง
คืออหิง สกะ นะลูกข้า
จะเลี้ยงเจ้า ด้วยจิตใจ ให้เมตตา
ตามคำสั่ง พระราชา ข้าสาบาน

( นาง )มันตานี ผู้เป็นแม่ ชะแง้ชะเง้อ
หัวใจเธอ คละคลุ้ง ด้วยฟุ้งซ่าน
นั่งเหม่อมอง เฝ้าดู อยู่นอกชาน
ดุจไฟผลาญ ในหัวใจ แทบไหม้จุล

พราหมณ์ คัคคะ ขึ้นสู่ฝั่ง ทางหลังบ้าน
ผ่านต้นตาล และต้นไทร เข้าใต้ถุน
มันตานี ร้องไห้โฮ โถพ่อคุณ
จับเด็กน้อย วางตักอุ่น ให้หนุนนอน

อหิงสกะ เป็นเด็กเรียนดี.....

อหิงสกะ มาะนะเรียน เพียรหมั่นสู้
ช่างเรียนรู้ จดจำ ทุกคำสอน
เป็นศิษย์รัก ที่ครูเกื้อ เอื้ออาทร
ทุกขั้นตอน ครูสอนให้ ไม่ปิดบัง ..
บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 11:47:43 pm »

ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย

( หลวงวิจิตรวาทการ)


ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย

( ท่านพุทธทาสภิกขุ)


กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ

( เจ้าพระยาคลัง หน)


อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย

( จากหนังสือเก่าโบราณ)


กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
 ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 11:55:31 pm »

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นนิพพาน “

(พุทธวจนะ)


“ทุกข์”ก็คือ”ตาเนื้อ”เชื่อหรือไม่?……. “ธรรม”ก็คือ”ตาใน”จำไว้หนอ………
“เห็นทุกข์”คือ”เห็นรูปธรรม”นำพะนอ………. “ดิน-น้ำ“หนอ “ไฟ-ลม”ผสมกัน…….
“เห็นธรรม”คือ”เห็นนามธรรม” “จำ-รู้สึก”……. “ความคิดนึก”และ”สัมผัส”ที่จัดสรร……
“ตถาคต”คือ”ตาในตา”สารพัน………. “รู้แจ้ง”ทันเท่ามายาในสากล…….
“ตาในตา” “ทิพย์จักษุ”บรรลุแล้ว……… เหมือนดวงแก้วทรงฤทธิ์ประสิทธิ์ผล……
“เห็นตถาคต”คือ”ความคิดในจิต”คน……… “ไม่มีตน-ตัวเรา”ด้วยเข้าใจ………
“จิตละรูป”เพียงดูแค่รู้สึก……….. มิคิดนึก”ชัง”หรือคิด “พิศมัย”…..
เป็น “ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน”ใจ……… ด้วย “ตาในตา””พุทธะ”จิต “ละวาง”…….
“นิพพาน”หรือคือ”ธรรมจักษุ”………. “ตา”บรรลุ “เห็นธรรมะ”ใสกระจ่าง………
“เห็นนิพพาน””สุญญตา”มาเปิดทาง….. ดวง”จิตว่าง”จากกิเลสเหตุมายา……..
ว่างจาก”เครื่องร้อยรัด”ที่มัดจิต…………. ว่างจากพิษแห่งสมมุติสุดสรรหา……..
ไร้รูป-นามสิ้นห่วง”ภาพลวงตา”……… “นิพพานา”เป็นสุขทุกวันคืน…………
“ผู้เห็นทุกข์””เห็นธาตุสี่”นี่”ตัวเรา”…… รวมกันเข้าผูกมัดไม่ขัดขืน……..
ทั้ง”ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม”ช่างกลมกลืน………. กิเลสรื่นครื้นเครงบรรเลงรมย์…….
เป็น”ตัวเรา”เดือดร้อนเป็น”ก้อนทุกข์”……. “ตัณหา”คลุกเคล้าสร้างไว้ให้ขื่นขม…….
ไม่รู้จักคำว่า”พอ”ก่อตรอมตรม……….. “สามพอ”คมคายนักรู้สักนิด!!………
หาก”พอกิน””พอใช้”ใคร”พออยู่”?……… “ผู้นั้นรู้ถึงแก่นธรรม”เลิศล้ำจิต………
“เป็นธรรมชาติ”แท้จริงยิ่งชีวิต……….. หากใครคิดออกไร้ทุกข์เป็นสุขเทอญฯ……
ธรรมชาติรังสรรค์เจ้า-ตัวเราด้วย…… เรียนรู้ช่วยเหล่ามนุษย์สุดสรรเสริญ……
ให้เรียนรู้"ไม่ยึดติด"ไม่ชิดเชิญ……… ไม่ขาดเกินแล้ว”ปล่อยวาง”ทุกอย่างลง…..
ร่างกาย-อาศัย”ข้าว-ผ้า-ยาและบ้าน”……. “สี่ประการ”ก็อยู่ได้มิใหลหลง……..
"ไม่มีทุกข์สุขใจ"เมื่อได้ปลง……….. ชีพดำรงคงทำดีมีมงคล………
“ผู้เห็นธรรม””เห็นตัวเรา”ไม่เขลาโง่……มุ่งสู่”โพธิญ าณ”ตระการผล………
"รูปธรรมสี่-นามธรรมสี่"มีทุกคน……… แยกแยะตนออกให้เห็นอย่างเด่นชัด!!……
“รูปธรรมสี่”คือ”ธาตุสี่”มี”ดิน-น้ำ-……. ไฟ-ลม”ย้ำตามรุกทุกขสัจจ์………
“นามธรรมสี่””รู้สึก-จำ”เห็นธรรมชัด……… “คิด-สัมผัส”ปรุงแต่งแหล่งรับรู้…….
ละเอียดมีเพียง”สี่คู่”ดูให้ดี…….. ย่ออีกทีมองให้ซึ้งเหลือ”หนึ่งคู่”…….
“รูปกับนาม”กระทบกันเท่านั้นดู…….. ก็จะรู้นี่”มายา”ชีวาเรา……..
“เห็นตัวตน”แล้วอย่าหลงพะวงคิด…….. เป็น”พุทธจิต”จิตเดิมแท้ช่วยแก้เขลา……
"ละทั้งรูป-ละทั้งนาม"เกิดความเบา……… เป็นแค่"เงาตามร่าง"ก็ช่างมัน!!…….
เป็น"จิตเดิมใส"ยิ่งกว่าธาราน้ำ………. ไม่ชอกช้ำบริสุทธิ์ประดุจฝัน………
บริสุทธิ์ยิ่งกว่าอากาศพิลาศครัน…….. เป็น”ต้นธาตุ-ต้นธรรม์”นิรันดร……
“ผู้ใดเห็นตถาคต”ปรากฏเด่น…….. “ผู้นั้นเห็นนิพพานะ”ประภัสสร……..
เห็นทุกสิ่งเพียงมายาทุกท่าตอน…….. ไม่เดือดร้อน”เครื่องร้อยรัด”สลัดไป…….
“รูป-นาม”เป็น”ภาพลวงตา”สารพัด…… เลิกผูกมัดพบหนทางสว่างไสว…….
เพราะไม่มีฝุ่นละอองเกาะข้องใจ…….. ด้วย”ละ”ได้ใน”ทุกสิ่ง”แล้ว”ทิ้ง”เลย



บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!