ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
พฤษภาคม 07, 2024, 07:25:24 pm
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: งานเทศนาธรรม และการสอนปฏิบัติกัมมัฏฐาน
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๑ ของเดือน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี ๑๒๘/๖๘ หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ พระราม ๒-๒ ถนนพระรามท่ี ๒ ซอย ๕๐ (ซอยวัดกําแพง) เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๒ ของเดือน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. ณ บ้านคุณหมอศรุตา ฟักนวม จังหวัดนครปฐม
๏ทุกวันศุกร์ถึงอาทิตย์ที่ ๓ ของเดือนมีการเก็บกัมมัฏฐาน ภาคปฏิบัติ ณ สํานักปฏิบัติ อัญญาวิโมกข์โ์พธิรังษี (วัดป่ากล้วยไม้ดิน) บ้านหนองฟักทอง ตําบลปากช่อง อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
๏ แสดงธรรมงานบวชเนกขัมมะประจําปี ณ ศูนย์พุทธศรัทธา บ้านหมอ จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา, วันวิสาขบชูา และวันพ่อ-วันแม่แห่งชาติ (ถ้าธาตุขันธ์องค์หลวงพ่อไม่อาพาธ ก็จะไปมิได้ขาด)
สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี คุณสายพิณ โทร. ๐๘-๙๙๐๐-๗๓๙๙ หรือ www.kubajaophet.com
หมายเหตุ : ตารางเวลาอาจมีการเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

+  ครูบาเจ้าเพชรดอทคอม
|-+  บอร์ดหลัก
| |-+  สาระน่ารู้
| | |-+  นำมาฝาก- เศษผมในแก้วน้ำ
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นำมาฝาก- เศษผมในแก้วน้ำ  (อ่าน 2905 ครั้ง)
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 09:44:04 pm »

น้ำใสในแก้วฉ่ำเย็น น่าดื่มกินเพียงใด

หากแม้นมีเพียงเส้นผมเส้นเดียว หย่อนลงไปปนอยู่ในน้ำในแก้วนั้น

น้ำที่ว่าใส เย็นฉ่ำ น่าดื่มกิน ก็หมดซึ่งคุณค่าไป

เป็นที่น่ารังเกียจ ไม่อาจดื่มกินลงไปได้

น้ำใสนี้ กลายเป็นน้ำที่ไม่น่าดูไม่น่าดื่ม

ก็ด้วยความน่ารังเกียจ ของสิ่งที่ปนเปื้อน ที่ใส่เข้าไป"

"ความดี" ก็เป็นดั่งนี้ ทำความดีทำไว้มากเพียงใดก็เหมือนดังเติมน้ำลงไปใส่น้ำลงไปในแก้ว ความดีเปรียบดังน้ำที่ใสสะอาด ฉ่ำเย็น น่าดื่ม น่ากิน แต่เมื่อใดที่ผิดพลาดพลั้งเผลอนำความชั่ว แม้เพียงครั้งเดียว ด้วยความไม่รู้ด้วยความไม่ตั้งใจหรือด้วยเหตุใดๆ ก็เปรียบเหมือนดั่งหย่อนเส้นผมลงไปในน้ำในแก้วนั้น ความดีที่สร้างที่ประจักษ์อยู่ก็จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของความดีนั้นมัวหมองลงไปด้วยความไม่ดี ด้วยความชั่วที่ตนกระทำ

นี้เป็นการมอง...นี่เป็นการมองของคนในโลกมนุษย์ทั้งหลาย ชอบที่จะมอง"ความเลว"ของผู้อื่น แทนที่จะมองซึ่ง "ความใสสะอาด" อันเป็นเหมือนดั่ง "ความดี"ของผู้นั้น "น้ำในแก้วใสสะอาดแต่ไม่มีใครมอง กลับมัวแต่มองเส้นผมเส้นเดียวที่อยู่ในแก้วนั้น"นี่เป็นการมอง...นี่เป็นการมองที่เป็นของคนทั้งหลาย เป็นการมองของปุถุชนผู้ยังมีกิเลสอยู่

แต่หากเป็นผู้รู้ ผู้มีปัญญา ผู้เป็นบัณฑิต เขาจะไม่มองแบบนั้น เขาจะยังมองคุณค่าของแก้วน้ำที่มีน้ำใสอยู่แต่จะหยิบเส้นผมนั้นออกไป แก้วน้ำนั้นก็บรรจุน้ำใสเหมือนดั่งเดิม แม้อาจจะไม่น่าดื่มกินแต่ก็ยังดีที่ยังน่ามอง และสามารถให้ประโยชน์ กับสิ่งมีชีวิตอื่นนอกเหนือจากตน อาจเป็นต้นไม้ อาจเป็นสัตว์อื่น ที่จะยังคุณค่าให้กับสิ่งมีชีวิตนั้น น้ำก็ยังมีคุณค่าของน้ำ เส้นผมที่เป็นเศษเส้นผมก็ด้อยค่าตามลงไป

"ผู้มีปัญญา" จึงต้อง รู้จักมอง รู้จักเลือกที่จะมอง รู้จักที่จะดำรงตน เพื่อให้รู้จักเห็น รู้จักคิด มองในส่วนที่ดี มองเห็นในส่วนที่ชอบ และหยิบสิ่งที่เป็นส่วนเสียของผู้อื่นให้ทิ้งไป การมองแบบนี้จะทำให้โลกสงบร่มเย็นเต็มไปด้วยความสุข ไม่เพ่งโทษ ไม่กล่าวร้าย ไม่นินทา ไม่ว่ากล่าวใดๆ อันนำมาซึ่งความทุกข์ให้กับตนและกับผู้อื่นจึงน่าสังเวชยิ่งกับผู้ที่ไม่รู้จักมอง "ผู้ที่ด้อยปัญญา" มัวแต่นินทา มัวแต่ว่ากล่าว มัวแต่กล่าวโทษ เพ่งโทษ ไม่หันกลับมามองตน

เฉกเช่นเดียวกันหากแก้วน้ำนั้น...เป็นของตนเอง เส้นผมนั้น...เป็นของตนเอง กลับไม่น่ารังเกียจยังสามารถดื่มกิน ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มใจ

หากเป็นของตนทั้ง "ดี" และ "ชั่ว" กลับภูมิใจ.. ไม่อาจบอกใคร แต่หากเป็นของผู้อื่นแล้วไซร้กลับน่ารังเกียจ

ผู้มีปัญญา จึงต้องมองให้ลึกและมองให้เห็นว่า การมองตนกับการมองผู้อื่นสิ่งไหนสำคัญยิ่งกว่ากัน? จึงอยากบอกกล่าวและอยากเผยแพร่ให้บอกออกไปว่า


"หากคิดจะมองสิ่งใด ความดี หรือ ความชั่ว ต้องกลับมองมาที่ตัวตนของตนเองเถิด"

เพราะเมื่อใดก็ตามที่รู้จักมองและสามารถพบเห็นความผิดความบกพร่องของตนได้ ก็เหมือนดั่งการหยิบจับเอาเส้นผมนั้นทิ้งไปจากแก้วน้ำ น้ำนั้นก็มีคุณค่ากับตนเองได้ตนก็ยังได้ประโยชน์จากน้ำนั้น เปรียบเหมือนดั่งตนก็ได้ประโยชน์จากความดีที่ตนกระทำ เพราะได้หยิบจับความชั่วหรือหลีกลี้หนีไกลจากความชั่วช้าให้หมดไปนั่นเอง

เมื่อจิตของผู้ใดคิดได้แบบนี้ก็จะสามารถดำรงตนด้วยความสุข และสามารถขัดเกลากิเลสออกจากจิตของตน ก็จะทำให้จิตเปรียบเหมือนดั่งน้ำใสอยู่ในแก้วใสเย็นฉ่ำชื่นใจตลอดเวลา ยังประโยชน์ให้กับตนและยังประโยชน์ให้กับผู้อื่น ถือเป็นคุณค่าที่สุดแล้ว

"ความดี" อย่างไรก็คือ "ความดี"
ความดีของผู้อื่น กับ ความดีของตนเปรียบเทียบกันไม่ได้ ความดีของผู้อื่นกับความดีของตน.เปรียบเทียบกันไม่ได้ ความดีของผู้ใดก็ให้เปรียบเทียบภายในกับความดีของผู้นั้น ไม่ต้องเพ่งโทษไม่ต้องกังวลว่าดีของตนจะดีกว่าใครหรือจะด้อยกว่าใคร ไม่มีน้อยใจในความดี เพราะความดีอยู่ที่จิตใจ ความดีอยู่ที่จิตใจ ความดีอยู่ที่จิตใจ เมื่อรู้จักมองเห็น เมื่อรู้แจ่มชัดในคุณค่าของความดีของตนเองแล้ว ก็จะรู้จักคุณค่าอย่างชัดแจ้งในความดีของผู้อื่น ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยความดีที่มีต่อกัน ความดีนี้แหละที่จะนำพาแต่ละคน แต่ละจิตให้ไปสู่สุคติภูมิ แม้ในโลกนี้ก็มีความสุขสงบเย็น แม้ในโลกหน้าก็ถึงซึ่งความสุขนั่นเอง

หากสม่ำเสมอในการพิจารณา การดำรงชีวิตของแต่ละคนนั้นก็ไม่ต้องสนใจใยดีกับคำครหานินทาทั้งหลาย และเช่นเดียวกันก็ไม่หลงระเริงกับคำเยินยอของคนทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ ก็ไม่ต้องทุกข์หนักกับการมอง การส่งจิตออกนอก จิตก็จะอยู่ภายในพิจารณาแต่จิตของตนว่าดีพร้อมมากน้อยเพียงใด จะสามารถดำรงชีวิตได้ ด้วยความสงบเย็น จะไม่ทุกข์ร้อน จะไม่ร้อนรน และจะทนได้กับทุกสภาวการณ์ นี่เป็น "นิสัยของผู้รู้ผู้มีปัญญา"

ในการพิจารณานั้น จะต้องพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ให้ถ้วนถี่ว่า จิตของตนฝึกดีเพียงใด
- เอื้อเฟื้อต่อตนก็เพื่อให้ความเอื้อเฟื้อของตนเองนั้นเผื่อแผ่จากตนออกไปสู่ผู้อื่นด้วยความเยือกเย็น
- เมื่อรู้จักให้เกียรติตนก็รู้จักให้เกียรติผู้อื่น
- เมื่อรู้จักีสั่งสอนตักเตือนตน ก็รู้จักสั่งสอนตักเตือนผู้อื่นได้
- เมื่อให้ตนรู้จริงได้ก็ให้ผู้อื่นรู้จริงได้ เช่นเดียวกัน

การพิจารณาเพื่อเข้าถึง กระแสแห่งพระนิพพาน
กระแสแห่งพระนิพพานเริ่มต้นด้วย... การรู้จักคิดการรู้จักมองเข้าไปข้างในจิตของตนก็จะเห็นทั้งกุศลและอกุศลภายในจิตตน ก็จะเห็นทั้งกุศลและอกุศลของจิตผู้อื่น เมื่อรู้จักตนดีแล้วก็จะรู้จักตัวตนของผู้อื่นเช่นเดียวกัน เมื่อรู้จักทั้งตนและรู้จักทั่วถึงตนแล้วก็จะรู้จักปล่อยวางตนเอง เป็นผู้ไม่ยึดถือ เป็นผู้สงบเย็น ไม่ปล่อยให้ทนทุกข์อยู่อีกนาน จะเป็นผู้ก้าวข้ามพ้นจากบ่วงมารอันเป็นวัฏฏสงสารนี้ได้ พื้นฐานแห่งจิตนำมาซึ่งปัญญา ปัญญาที่มีค่ายิ่งเป็นปัญญาอันเกิดจากธรรม ธรรมนำสู่ปัญญา ปัญญาเข้าถึงธรรม ธรรมอันเป็นของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมใดที่ผุดขึ้นจากภายในธรรมนั้นจะอยู่กับผู้นั้นตราบจนวันตาย และธรรมนั้นจะนำพาผุ้นั้นไปสู่จุดหมาย คือ "พระนิพพาน"



ที่มา ธรรมะจากสวนพุทธ 1

บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 10:22:40 pm »

1. ไม่ว่าวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน จงยิ้มเข้าไว้ .... เพราะพรุ่งนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า

2. คำว่า 'พรุ่งนี้รวย' ของคนขายลอตเตอรี่ ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นปรัชญาที่ต้องตีความ .... เช่นเดียวกับคำพูดของนักการเมือง

3. สิ่งที่คนเมาพูด คือ สิ่งที่คนปกติคิด

4. ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่ไม่ว่าคุณจะแก้ดียังไง มันก็จะนำไปสู่ปัญหาใหม่ ที่ต้องให้คุณคิดหาทางแก้ไขต่อไป .... เป็นเช่นนี้เรื่อยไป

5. ทุกปัญหาย่อมมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด .... แต่วิธีแก้ที่ง่ายที่สุด จะพบหลังจากใช้วิธียากที่สุดไปแล้ว

6. อะไรก็ตามที่คุณอยากจะถาม .... เป็นไปได้มากว่า มันคือสิ่งที่คุณไม่ควรจะรู้

7. คนเรามีแนวโน้มที่จะพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุด และกับคนที่ไม่น่าจะพูดด้วยที่สุด

8. สินค้าที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดที่สุด คือ สินค้าที่คนโง่ที่สุดใช้เป็น และอยากจะใช้ แม้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม

9. เมื่อคุณมาประชุมสาย ประธานจะมาตรงเวลา และเมื่อคุณมาตรงเวลา การประชุมจะเลื่อนไป .... ไม่มีกำหนด

10. อะไรก็ตามที่คุณคิดได้และรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆคุณก็จะพบว่ามีคนอื่นที่ไหนสักแห่งคิดมาแล้ว ....


บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 10:41:23 pm »

21 ข้อน่าคิดว่าจริงไหม?


1.รักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยการจุมพิต และจบลงด้วยน้ำตา

2.อย่าเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้คุณ

3.ถ้าความรักไม่ใช่เกม,ทำไมจึงมีผู้เล่นเกมรักหลายคน

4.เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่ยากกว่าในการจะลาจาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมเลือน

5.คุณไปได้ไกลเท่าที่คุณผลักดันตัวเอง

6.การกระทำดังกว่าคำพูด

7.สิ่งที่ทำยากที่สุด คือ การมองดูคนที่คุณรัก ไปรักคนอื่น

8.อย่าให้อดีตยึดคุณไว้ คุณจะพลาดสิ่งดีๆที่จะผ่านมา

9.ชีวิตนั้นสั้นนัก ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิต คุณไม่หยุดมองดูมันให้กว้างๆ ทั่วๆ สักครู่ คณจะพลาดมัน

10.เพื่อนที่ดีที่สุดเหมือน ใบไม้สี่กลีบ(สัญลักษณ์แห่งความโชคดี) ยากที่จะหาพบ และ โชคดีที่มีมัน

11.คนบางคนทำให้โลกนี้เป็นโลกที่แสนพิเศษเพียงแค่มีเค้าอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น

12. มิตรแท้ คือ พี่-น้อง ที่พระเจ้า ลืมให้มาเกิดในครอบครัวเดียวกันกับเรา เท่านั้นเอง

13.เมื่อคุณเจ็บปวดที่จะมองกลับหลัง และ หวาดกลัวที่จะมองไปข้างหน้า เพียงคุณ มองไปข้างๆ เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณจะอยู่ที่นั่น

14.สัมพันธภาพที่แท้จริงไม่มีวันจบสิ้น

15.เพื่อนจะคงอยู่ตลอดไป

16.เพื่อนที่ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้เห็นพวกเขาตลอดเวลา แต่คุณจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเสมอ

17.อย่าขมวดคิ้วเลย เธอไม่เคยรู้หรอกว่ามีใครบางคนหลงรักรอยยิ้มของเธอ

18.คุณจะทำอย่างไร เมื่อคุณรู้ว่าเพียงคนๆเดียวที่จะทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ คือคนที่ทำให้คุณร้องไห้

19.ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคุณตกหลุมรักเขาแล้ว (เมื่อคุณหลงรักใคร คุณจะคิดว่าเขาสมบูรณ์แบบ)

20.ทุกสิ่งทุกอย่างจะ OK ตอนจบ ถ้าไม่แล้ว แสดงว่านั่นยังไม่ใช่จุดจบ

21.คนส่วนมากผ่านมาและผ่านไปในชีวิตคุณ แต่มีเพียงเพื่อนเท่านั้นที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในหัวใจคุณ

-------------------------
บันทึกการเข้า
ใครบ้างใหญ่กว่ากรรม
Newbie
*
กระทู้: 10


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2010, 11:06:03 pm »

บาป ที่อร่อยสะใจ…

การพูดนินทาเป็นนิสัย เป็นความสุขเฉพาะบางคน บางคนที่เห็นว่า ช่างเอร็ดอร่อยในอารมณ์ สะปาก สะใจเหลือเกิน หากกล่าวถึงผู้อื่นลับหลังในทางร้าย ทั้งเกินจริงและไม่จริงให้ใครต่อใครได้ฟัง เป็นความอร่อยเหมือนกินอาหารอิ่มเอมเต็มมื้อทีเดียว เพราะเหตุที่ไม่ได้พูดต่อหน้าเป้าหมาย จึงสบายอุรา นินทาได้นาน จะใส่สีตีไข่ ปรุงรสให้แซ่บแค่ไหนก็ทำได้ บันเทิงกันทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ทั้งสังคมเล็ก สังคมใหญ่ ทั้งไฮโซ โลโซ เป็นอาหารหูอาหารใจกันได้ทั้งนั้น ทั้งๆที่แท้ มันก็เป็นความผิดทางวาจา ผู้พูดอร่อยกับคำพูด เสียจนลืมคิดไปว่า การใช้คำพูดที่เกินจริง หรือไม่จริง ว่าร้ายผู้อื่นนั้น ก็เป็นมุสาวาทะ และเป็นบาปที่จะนำตนไปสู่อบายภูมิเหมือนกัน


หลวงปู่ทวด“....พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์...”

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต“…การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตรตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียด น่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง...”


สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)“… ศิลาใหญ่ย่อมไม่หวั่นไหวด้วยลมฉันใด คนมีปัญญาย่อมไม่หวั่นในคำนินทาหรือสรรเสริญของบุคคลอื่นฉันนั้น...”

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!